การนับเลขจำนวนและเลขลำดับภาษาอังกฤษ 1–1,000
วันนี้ สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ Engcouncil จะชวนเพื่อนๆ มาเรียนรู้เรื่อง การนับเลขจำนวนและเลขลำดับภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ 1–1,000 หรือที่เรียกว่า Cardinal Number และ Ordinal Number กันค่ะ
ใครที่ อยากเก่งภาษาอังกฤษ ไม่ควรพลาดเรื่องนี้เลยนะคะ เพราะ “ตัวเลข” เป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาในชีวิตประจำวัน ทั้งการบอกจำนวน การนัดหมาย หรือแม้กระทั่งการพูดถึงอันดับในการแข่งขัน เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีหลักการใช้อย่างไร
Cardinal Number คืออะไร?
Cardinal Number หรือ เลขนับจำนวน คือ ตัวเลขที่ใช้บอก “จำนวน” ของสิ่งของต่างๆ เช่น
one, two, three, four, five, …
ตัวอย่างประโยคการใช้งาน:
- I have three cats.
- She bought five apples.
Cardinal Number เป็นสิ่งที่ต้องใช้บ่อยมากในชีวิตประจำวัน ทั้งการพูด การเขียน หรือเวลาเราอธิบายปริมาณสิ่งของต่างๆ
Ordinal Number คืออะไร?
Ordinal Number หรือ เลขลำดับ คือ ตัวเลขที่ใช้บอก “ตำแหน่งหรืออันดับ” เช่น
1st, 2nd, 3rd, 4th, 5th …
คุณจะเห็นการใช้ Ordinal Number ในหลายสถานการณ์ เช่น:
- การระบุวันในปฏิทิน → My birthday is on the 5th of June.
- การประกาศผลการแข่งขัน → He finished in 1st place.
Cardinal Number คือ ตัวเลขที่เอาไว้บอกจำนวน ของสิ่งของต่างๆว่ามีอยู่เป็นจำนวนเท่าไร เช่น One, two, three, four, five, etc.
Ordinal Number คือ ตัวเลขที่เอาไว้บอก ตำแหน่ง อันดับ ของสิ่งนั้นๆ เช่น 1st, 2nd, 3rd, 4th, 5th. ซึ่งเราจะเห็นได้จากวันที่ในปฏิทิน หรืออันดับการแข่งขัน เป็นต้น
ตัวเลข ของ Cardinal Number และ Ordinal Number
Cardinal Ordinal
- 1 One 1st First
- 2 Two 2nd Second
- 3 Three 3rd Third
- 4 Four 4th Fourth
- 5 Five 5th Fifth
- 6 Six 6th Sixth
- 7 Seven 7th Seventh
- 8 Eight 8th Eighth
- 9 Nine 9th Ninth
- 10 Ten 10th Tenth
- 11 Eleven 11th Eleventh
- 12 Twelve 12th Twelfth
- 13 Thirteen 13th Thirteenth
- 14 Fourteen 14th Fourteenth
- 15 Fifteen 15th Fifteenth
- 16 Sixteen 16th Sixteenth
- 17 Seventeen 17th Seventeenth
- 18 Eighteen 18th Eighteenth
- 19 Nineteen 19th Nineteenth
- 20 Twenty 20th Twentieth
- 21 Twenty one 21st Twenty-first
- 22 Twenty two 22nd Twenty-second
- 23 Twenty three 23rd Twenty-third
- 24 Twenty four 24th Twenty-fourth
- 25 Twenty five 25th Twenty-fifth
- … … … …
- 30 Thirty 30th Thirtieth
- 31 Thirty one 31th Thirty-first
- … … … …
- 40 Forty 40th Fortieth
- 50 Fifty 50th Fiftieth
- 60 Sixty 60th Sixtieth
- 70 Seventy 70th Seventieth
- 80 Eighty 80th Eightieth
- 90 Ninety 90th Ninetieth
- 100 One hundred 100th Hundredth
- 1000 One thousand 1000th Thousandth
ระบุชั้นในภาษาอังกฤษ
เลขลำดับ (ordinal number) ยังถูกใช้ในการระบุชั้นภาษาอังกฤษของอาคารหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เช่น
- First floor (1st floor) แปลว่า ชั้น 1
- Second floor (2nd floor) แปลว่า ชั้น 2
- Third floor (3rd floor) แปลว่า ชั้น 3
- Forth floor (4th floor) แปลว่า ชั้น 4
- Fifth floor (5th floor) แปลว่า ชั้น 5
- Sixth floor (6th floor) แปลว่า ชั้น 6
ระบุชั้นปีของนักเรียนในโรงเรียน เมื่อต้องการระบุชั้นเรียนภาษาอังกฤษหรือชั้นปีการศึกษาภาษาอังกฤษของนักเรียนในโรงเรียน เช่น
- First grade (1st grade) แปลว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หรือ ป.1
- Second grade (2nd grade) แปลว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หรือ ป.2
- Third grade (3rd grade) แปลว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หรือ ป.3
- Forth grade (4th grade) แปลว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หรือ ป.4
- Fifth grade (5th grade) แปลว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หรือ ป.5
ตัวอย่างเช่น
- My son is in the second grade.
ลูกชายของฉันเรียนอยู่ชั้นป.2
- The girl who won the first prize is in the third grade.
เด็กผู้หญิงที่ชนะรางวัลที่ 1 เรียนอยู่ชั้นป.3
แต่บางครั้งสำหรับการระบุชั้นปีการศึกษาอาจจะใช้เลขจำนวนนับ (cardinal number) ก็ได้ แต่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งการวางตัวเลขเป็นหลังคำนาม
ตัวอย่างเช่น
- Next year she will be in the grade 4.
ปีหน้าเธอจะขึ้นชั้นป.4 แล้ว
- The boy who finished the second place is in grade five.
เด็กผู้ชายที่ผ่านเข้ารอบลำดับที่ 2 เรียนอยู่ปีที่ 5
นับวันที่ภาษาอังกฤษ
เราใช้เลขลำดับที่ (ordinal number) ในการระบุวันที่ภาษาอังกฤษด้วย
- 1st = วันที่ 1
- 2nd = วันที่ 2
- 3rd = วันที่ 3
- 4th = วันที่ 4
- 5th = วันที่ 5
- 6th = วันที่ 6
- 7th = วันที่ 7
- 8th = วันที่ 8
- 9th = วันที่ 9
- 10th = วันที่ 10
- 11th = วันที่ 11
- 12th = วันที่ 12
- 13th = วันที่ 13
- 14th = วันที่ 14
- 15th = วันที่ 15
- 16th = วันที่ 16
- 17th = วันที่ 17
- 18th = วันที่ 18
- 19th = วันที่ 19
- 20th = วันที่ 20
- 21st = วันที่ 21
- 22nd = วันที่ 22
- 23rd = วันที่ 23
- 24th = วันที่ 24
- 25th = วันที่ 25
- 26th = วันที่ 26
- 27th = วันที่ 27
- 28th = วันที่ 28
- 29th = วันที่ 29
- 30th = วันที่ 30
- 31st = วันที่ 31
ตัวอย่างเช่น
- 30th November 1998
วันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1998
- 1st April 2020
วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2020
** ด้านบนเป็นการเขียนวันที่ระบบอังกฤษ (ประเทศไทยใช้วิธีเขียนวันที่ระบบอังกฤษ ทั้งการเขียนวันที่ภาษาไทย และเขียนวันที่ภาษาอังกฤษ) คือเป็นรูปแบบ “วันที่ + เดือน + ปี”
เราสามารถเขียนวันที่ระบบอเมริกันได้ด้วยการเขียนรูปแบบ “เดือน + วันที่ + ปี”
ตัวอย่างเช่น
- November 30th 1998
วันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1998
- April 1st 2020
วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2020
- นับศตวรรษภาษาอังกฤษ
ในการนับเวลาที่เป็นศตวรรษ เราก็ใช้เลขลำดับ (ordinal number) เช่น
- 17th century แปลว่า ศตวรรษที่ 17
- 18th century แปลว่า ศตวรรษที่ 18
- 19th century แปลว่า ศตวรรษที่ 19
- 20th century แปลว่า ศตวรรษที่ 20
- 21st century แปลว่า ศตวรรษที่ 21
นับวันเกิดหรือวันครบรอบภาษาอังกฤษ
เราจะใช้เลขลำดับ (ordinal number) ในการระบุวันครบรอบวันเกิดภาษาอังกฤษ หรือวันครบรอบภาษาอังกฤษในวาะระหรือโอกาสอื่นๆ ด้วย
ตัวอย่างเช่น
- His 70th birthday is tomorrow.
พรุ่งนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 70 ปีของเขา
- Today is our 10th wedding anniversary.
วันนี้เป็นวันครบรอบการแต่งงานปีที่สิบของเรา
คำถาม-คำตอบที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ Cardinal และ Ordinal Number
1. จะจำได้อย่างไรว่าคำไหนคือ Cardinal Number และคำไหนคือ Ordinal Number?
หลักการจำง่ายๆ คือ Cardinal Number (เลขจำนวนนับ) ใช้บอก “จำนวน” ที่มีอยู่จริง เช่น three cats, five apples ซึ่งเราสามารถนับได้เป็นหนึ่ง สอง สาม… ส่วน Ordinal Number (เลขลำดับ) ใช้บอก “ลำดับ” หรือ “อันดับ” ของสิ่งต่างๆ เช่น the first floor (ชั้นที่ 1), the third prize (รางวัลที่ 3) ค่ะ
2. ในการเขียนวันที่ ภาษาอังกฤษ เราต้องใช้ Ordinal Number เสมอไปหรือไม่?
ในการเขียนวันที่ เรามักใช้ Ordinal Number เป็นหลักค่ะ เช่น “the 5th of June” หรือ “June 5th” แต่ในบางบริบทที่สั้นๆ และไม่เป็นทางการ เช่น การเขียนแบบย่อ เราอาจใช้เลข Cardinal ได้ เช่น 6/5/2025 อย่างไรก็ตาม การใช้ Ordinal Number จะช่วยให้การสื่อสารชัดเจนและเป็นทางการกว่าค่ะ
3. การระบุชั้นเรียนและชั้นของอาคาร ควรใช้ Ordinal Number หรือ Cardinal Number?
การระบุ ชั้นเรียนและชั้นของอาคาร ส่วนใหญ่จะใช้ Ordinal Number ค่ะ เช่น “My son is in the second grade.” (ลูกชายเรียนชั้น ป.2) หรือ “The office is on the fifth floor.” (สำนักงานอยู่ชั้น 5) แต่ก็สามารถใช้ Cardinal Number ได้ในบางกรณี เช่น “The boy is in grade five.” หรือ “She will be in the grade 4.” ค่ะ
4. การเขียนวันที่ระบบอังกฤษและอเมริกันมีวิธีสังเกตความแตกต่างอย่างไร?
วิธีสังเกตคือการดูตำแหน่งของเดือนและวันที่ค่ะ ระบบอังกฤษ จะเรียงลำดับเป็น วันที่-เดือน-ปี (เช่น 1st April 2020) ในขณะที่ ระบบอเมริกัน จะเรียงเป็น เดือน-วันที่-ปี (เช่น April 1st 2020) ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสื่อสารเพื่อป้องกันความสับสนค่ะ
แอดมินหวังว่าเพื่อนๆ ได้ความรู้และสามารถนำเรื่อง Cardinal Number และ Ordinal Number ไปใช้ได้อย่างถูกต้องนะคะ
และถ้าหากว่าเพื่อนคนไหนสนใจ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวแบบออนไลน์ สามารถติดต่อเพื่อขอรับคำแนะนำการลงทะเบียนเรียนจากเราได้แล้วตั้งแต่วันนี้ผ่านช่องทาง คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ได้เลยค่ะ

