กริยาแท้และกริยาไม่แท้ (Finite Verb & Non-Finite Verb)

เรียนกริยาแท้และกริยาไม่แท้

เรียนแกรมม่าภาษาอังกฤษ: รู้จักกริยาแท้และกริยาไม่แท้แบบเข้าใจง่าย

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้ สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ Engcouncil ขอชวนทุกคนมาเรียนรู้หัวข้อแกรมม่าภาษาอังกฤษที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง นั่นคือ “กริยาแท้ (Finite Verb)” และ “กริยาไม่แท้ (Non-Finite Verb)” ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของประโยคในภาษาอังกฤษเลยค่ะ

หลายคนที่กำลังเริ่ม เรียนแกรมม่าภาษาอังกฤษ อาจสับสนกับการแยกประเภทของกริยา ทั้งที่ในความจริงแล้ว หากเข้าใจหลักการและสังเกตตัวอย่างให้ดี ก็สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ

โดยทั่วไป คำกริยาในภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ:

  • Finite Verb (กริยาแท้): เป็นกริยาหลักที่แสดงอาการหรือการกระทำของประธาน และสามารถผันตามกาล (Tense), ประธาน (Subject) และจำนวน (Singular/Plural)

  • Non-Finite Verb (กริยาไม่แท้): เป็นกริยาที่ไม่ได้ผันตามประธานหรือกาล เช่น Infinitive (to + verb), Gerund (v.ing), และ Participle

บทความนี้จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับลักษณะของกริยาแต่ละประเภท พร้อม ตัวอย่าง และ เทคนิคสังเกต ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในบทสนทนาและการเขียน ไม่ว่าคุณจะเรียนเพื่อสอบ พัฒนาทักษะ หรือใช้ในที่ทำงานก็สามารถนำไปต่อยอดได้เลยค่ะ

Finite Verb (กริยาแท้)

Finite Verb (กริยาแท้) คือ กริยาที่แสดงอาการหรือการกระทำของประธาน โดยในประโยค (Sentence) หรือ อนุประโยค (Clause) จะมีกริยาแท้เพียงตัวเดียวเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น

  • Ken drinks milk.
  • They went to a restaurant.

Finite Verb จะผันรูปดังนี้

1.ผันตาม Subject (ประธาน)

ประธานเอกพจน์ คำกริยาเป็นเอกพจน์โดยเติม s/es

ตัวอย่างเช่น

  • Liza speaks English very well.

ประธานพหูพจน์ / I คำกริยาเป็นพพูจน์ โดยไม่ต้องเติม s/es

ตัวอย่างเช่น

  • The dogs bark at the cat.

2.ผันตาม Tense (กาล)

กริยาแท้จะผันตาม Tense ทั้ง 12 Tenses

ตัวอย่างเช่น

  • They came here yesterday.

(came คือกริยาช่องที่ 2 ที่ผันตาม Past simple tense)

  • I am studying at Chulalongkorn university.

(studying คือกริยาเติม ing ที่ผันตาม Present continuous tense)

3.ผันตาม Voice ดังนี้

Active Voice คือประโยคทั่วไปที่ประธานของประโยคนั้นเป็นผู้กระทำกริยา

ตัวอย่างเช่น

  • Lisa writes a letter.

Passive Voice ประธานของประโยคเป็นผู้ถูกกระทำ

ตัวอย่างเช่น

  • A letter is written by Lisa.

4.ผันตาม Mood

Mood คือ อารมณ์หรือความเห็นของผู้พูดที่พูดออกมาเป็นประโยครูปแบบต่างๆ

ตัวอย่างเช่น

  • The doctor recommends that he take the pills with food.

(take ผันตาม Subjunctive Mood นั่นคือ The doctor recommends ไม่ได้ผันตาม he จึงไม่ต้องเติม s)

Non-finite verb (กริยาไม่แท้)

Non-finite verb มีรูปจากคำกริยาแต่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นคำกริยา แบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้

1.Gerund (v.ing) ทำหน้าที่เสมือนคำนาม

ตัวอย่างเช่น

  • Eating vegetables and fruits is good for your health.

(eating แปลว่า การกิน ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค)

  • He enjoys reading.

(reading แปลว่า การอ่าน ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค)

2.To infinitive เป็นกริยารูปปกติตามหลัง to ทำหน้าที่เสมือนคำนาม

ตัวอย่างเช่น

  • To learn is important.

(To learn แปลว่า การเรียน ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค)

  • She wants to learn Italian.

(to learn ในที่นี้ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค)

3.Participle มี 2 ประเภทคือ Present participle (v.ing) และ Past participle (กริยาช่องที่ 3 v.-ed) ทำหน้าที่เสมือนคำคุณศัพท์

ตัวอย่างเช่น

  • That is an exciting movie.

(exciting เป็น Present Participle ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ขยาย movie)

  • The broken window was replaced.

(broken เป็น Past Participle ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ขยาย window)

 

คำถาม-คำตอบที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Finite และ Non-finite Verb

  1. จะสังเกตความแตกต่างระหว่าง Finite Verb (กริยาแท้) และ Non-finite Verb (กริยาไม่แท้) ได้อย่างไร?
    Finite Verb คือกริยาที่ทำหน้าที่เป็นแกนหลักของประโยคและสามารถผันรูปตามประธาน, Tense, Voice, หรือ Mood ได้ในขณะที่ Non-finite Verb จะไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ แต่จะทำหน้าที่เสมือนเป็นคำนามหรือคำคุณศัพท์แทนในประโยค
  1. ในประโยคที่มีคำกริยาหลายคำ จะรู้ได้อย่างไรว่าคำไหนคือกริยาแท้?
    ในประโยคหนึ่งๆ จะมีกริยาแท้เพียงตัวเดียวเท่านั้นซึ่งมักจะเป็นกริยาที่อยู่หน้าสุดและทำหน้าที่บอกกาล (Tense) ของประโยค ส่วนกริยาอื่นๆ ที่ตามมาจะเป็นกริยาไม่แท้ (Non-finite verb) หรือกริยาช่วย (Auxiliary verb) 
  1. “V.ing” และ “V.3 (Past Participle)” สามารถทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ กริยาไม่แท้ และกริยาช่วยได้หรือไม่?
    “V.ing” และ “V.3” สามารถทำหน้าที่ได้ทั้งสามอย่าง โดย “V.ing” จะเป็นกริยาแท้ใน Continuous Tense (I am studying), เป็นกริยาไม่แท้ (Gerund) เมื่อทำหน้าที่เป็นคำนาม (Eating is good), และเป็นคำคุณศัพท์ (Present Participle) เมื่อขยายคำนาม (an exciting movie)  ส่วน “V.3” จะเป็นกริยาแท้ใน Passive Voice และ Perfect Tense (The window was broken), และเป็นคำคุณศัพท์ (Past Participle) เมื่อขยายคำนาม (The broken window) 
  1. การใช้กริยาไม่แท้ (Non-finite verb) มีประโยชน์อย่างไรในการเขียนประโยค?
    การใช้ Non-finite verb ช่วยให้ประโยคมีความสละสลวยและซับซ้อนมากขึ้น แทนที่จะต้องใช้ประโยคย่อยหลายๆ ประโยค เราสามารถใช้ Non-finite verb มาเชื่อมโยงความคิดเข้าด้วยกันได้ ซึ่งจะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพและน่าสนใจยิ่งขึ้นค่ะ

เป็นยังไงบ้างคะเพื่อนๆ สำหรับเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับ Finite Verb (กริยาแท้) และ Non-Finite Verb (กริยาไม่แท้) ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ? หวังว่าทุกคนจะเริ่มเห็นภาพและเข้าใจหลักการมากขึ้นนะคะ หากเพื่อน ๆ คนไหนอยากพัฒนาทักษะไวยากรณ์ให้แน่นยิ่งขึ้น หรือกำลังมองหาโอกาส เรียนภาษาอังกฤษ แบบตัวต่อตัวกับครูต่างชาติ ผ่านคลาสสดออนไลน์ที่ปรับตามระดับของผู้เรียนได้ อย่ารอช้าค่ะ! ติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำและสมัครเรียนได้เลยตั้งแต่วันนี้