หลักการใช้งานประโยค Yes/No Question

เรียนรู้หลักการใช้งาน Yes/No Question

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ Engcouncil มีเรื่อง หลักการใช้งานประโยค Yes/No Question มานำเสนอเพื่อนๆค่ะ ในการถามเพื่อต้องการคำตอบเพียงแค่ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” รูปประโยคคำถามเช่นนี้ในภาษาอังกฤษก็คือ Yes-No Question มีหลักอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ !!

หลักการใช้งานประโยค Yes/No Question คืออะไร?

ในการเรียนภาษาอังกฤษ หนึ่งในโครงสร้างประโยคที่ใช้บ่อยที่สุดคือ Yes/No Question หรือประโยคคำถามที่ผู้ตอบสามารถตอบได้เพียงแค่ “ใช่” (Yes) หรือ “ไม่ใช่” (No) เท่านั้น เป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยในการสนทนา เช่น การสอบถามข้อมูลทั่วไป หรือการยืนยันสิ่งที่กล่าวมา

ทำไม Yes/No Question จึงสำคัญสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ?

เพราะประโยคประเภทนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวัน การสอบภาษาอังกฤษ หรือการทำงานกับชาวต่างชาติ หากเข้าใจหลักการสร้างและตอบคำถามอย่างถูกต้อง จะช่วยให้การสื่อสารราบรื่นขึ้นทันที

1.ถามนำขึ้นต้นด้วย Verb to be

ถ้าประโยคนั้นมี Verb to be ให้นำมาวางข้างหน้าได้เลย ดังเช่นรูปประโยคต่อไปนี้

ตัวอย่างที่ 1

  • ประโยคบอกเล่า

He is a teacher. เขาคือคุณครู

  • ประโยคคำถาม

Is he a teacher? เขาคือคุณครูใช่ไหม?

  • การตอบ

Yes, he is./  No, he isn’t. ใช่ เขาเป็น/ไม่ เขาไม่ได้เป็น)

ตัวอย่างที่ 2

  • ประโยคบอกเล่า

You are Japanese. คุณเป็นคนญี่ปุ่น

  • ประโยคคำถาม

Are you Japanese? คุณเป็นคนญี่ปุ่นใช่ไหม?

  • การตอบ

Yes. I’m./  No, I’m not. ใช่ ฉันเป็น/ไม่ ฉันไม่ได้เป็น

ตัวอย่างที่ 3

  • ประโยคบอกเล่า

He was a doctor. เขาเคยเป็นหมอ

  • ประโยคคำถาม

Was he a doctor? เขาเคยเป็นหมอหรือ?

  • การตอบ

Yes, he was./  No, he wasn’t. ใช่ เขาเป็น/ไม่ เขาไม่ได้เป็น

ตัวอย่างที่ 4

  • ประโยคบอกเล่า

They were at school yesterday. เมื่อวาน พวกเขาอยู่ที่โรงเรียน

  • ประโยคคำถาม

Were they at school yesterday? เมื่อวาน พวกเขาอยู่ที่โรงเรียนหรือเปล่า?

  • การตอบ

Yes, they were./  No, they weren’t. ใช่ พวกเขาอยู่/ ไม่ เขาไม่ได้อยู่

2.ถามขึ้นต้นด้วย Verb to do

ถ้าประโยคที่เราจะถามไม่มี Verb to be ให้นำ Verb to do มาใช้นำหน้าประโยค โดยใช้รูปเอกพจน์หรือพหูพจน์ตามประธาน ดังเช่นรูปประโยคต่อไปนี้

ตัวอย่างที่ 1

  • ประโยคบอกเล่า

You know her name. คุณรู้จักชื่อของเธอ

  • ประโยคคำถาม

Do you know her name? คุณรู้จักชื่อของเธอไหม?

  • การตอบ

Yes, I do. /No, I don’t. ค่ะ ฉันรู้จัก/ไม่ ฉันไม่รู้จัก

ตัวอย่างที่ 2

  • ประโยคบอกเล่า

She plays the piano. เธอเล่นเปียโน

  • ประโยคคำถาม

Does she play the piano? เธอเล่นเปียโนไหม?

  • การตอบ

Yes, she does./ No, she doesn’t. ค่ะ เธอเล่นเปียโน/ไม่ค่ะ เธอไม่ได้เล่นเปียโน

ตัวอย่างที่ 3

  • ประโยคบอกเล่า

You walked to school yesterday.. คุณเดินไปโรงเรียนเมื่อวาน

  • ประโยคคำถาม

            Did you walk to school yesterday? เมื่อวานนี้คุณเดินไปโรงเรียนหรือเปล่า?

  • การตอบ

Yes, I did./  No, I didn’t. ค่ะ ฉันเดินไปโรงเรียน/ไม่ ฉันไม่ได้เดินไปโรงเรียน)

**ข้อสังเกต เมื่อเราใช้ Do, Does หรือ Did อย่าลืมเปลี่ยนรูปกาลและพหูพจน์/เอกพจน์ตามประธานด้วยค่ะ

3.ถามขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย

หากประโยคนั้นมีกริยาช่วยตัวอื่น ๆ เช่น Can, Could, Will, Would, Shall, Should ให้เอาคำกริยาเหล่านี้ขึ้นต้นแล้วตามด้วยประโยคคำถาม เช่น

ตัวอย่างที่ 1

  • ประโยคบอกเล่า

You can speak Chinese. คุณพูดภาษาจีนได้

  • ประโยคคำถาม

Can you speak Chinese? คุณพูดภาษาจีนได้ไหม?

  • การตอบ

Yes, I can./  No, I can’t. ค่ะ ฉันพูดได้/ไม่ค่ะ ฉันพูดไม่ได้

ตัวอย่างที่ 2

  • ประโยคบอกเล่า

You will go with us. คุณก็จะไปกับพวกเราด้วย

  • ประโยคคำถาม

Will you go with us? คุณจะไปกับพวกเราด้วยไหม?

  • การตอบ

Yes, I will./  No, I won’t. ค่ะ ฉันจะไปด้วย/ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ไปด้วย

ตัวอย่างที่ 3

  • ประโยคบอกเล่า

You could tell me your name. คุณจะบอกชื่อของคุณให้ฉันทราบ

  • ประโยคคำถาม

Could you tell me your name? คุณจะบอกชื่อของคุณให้ฉันทราบได้ไหม?

  • การตอบ

Yes, I could./  No, I couldn’t. ค่ะ ฉันบอกได้/ไม่ค่ะ ฉันบอกไม่ได้)

 

FAQ: คำถาม-คำตอบที่พบบ่อยเกี่ยวกับประโยค Yes/No Question

  1. ในการตอบคำถามแบบ Yes/No Question จำเป็นต้องตอบแบบเต็มประโยคหรือไม่?
    คำตอบ: ไม่จำเป็นต้องตอบแบบเต็มประโยคเสมอไปค่ะ สามารถตอบสั้นๆ ได้โดยใช้กริยาช่วยตัวเดียวกับที่ใช้ในคำถาม เช่น “Are you Japanese?” ตอบว่า “Yes, I am.” หรือ “No, I’m not.” ก็เพียงพอแล้วค่ะ การตอบแบบนี้สุภาพและนิยมใช้ในการสนทนาทั่วไปค่ะ
  1. ถ้าต้องการใช้ Do, Does, หรือ Did ในประโยคคำถาม ควรจำหลักการง่ายๆ อย่างไร?
    คำตอบ: หลักการจำง่ายๆ คือให้ดูที่ประธานและกาลของประโยคค่ะ ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (He, She, It) และอยู่ใน Present Tense ให้ใช้ Does แต่ถ้าเป็นประธานพหูพจน์ (I, You, We, They) ให้ใช้ Do ส่วน Did ใช้ได้กับประธานทุกตัวใน Past Tense ค่ะ และเมื่อใช้แล้ว กริยาหลักจะต้องกลับมาเป็นรูปปกติเสมอค่ะ
  1. ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Verb to be และประโยคที่ขึ้นต้นด้วย Verb to do แตกต่างกันอย่างไร?
    คำตอบ: ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย Verb to be (is, am, are, was, were) มักจะใช้ถามเกี่ยวกับ สถานะหรือคุณลักษณะ ของประธาน เช่น “Is he a teacher?” (เขาเป็นคุณครูใช่ไหม?) ส่วนประโยคที่ขึ้นต้นด้วย Verb to do (do, does, did) จะใช้ถามเกี่ยวกับ การกระทำ ที่เกิดขึ้น เช่น “Do you know her name?” (คุณรู้จักชื่อของเธอไหม?) ค่ะ
  1. สามารถใช้กริยาช่วย (Modal Verbs) เช่น Can หรือ Will ในประโยค Yes/No Question เพื่อถามอะไรได้บ้าง?
    คำตอบ: สามารถใช้กริยาช่วยเพื่อถามในบริบทต่างๆ ได้ค่ะ เช่น Can ใช้ถามถึงความสามารถ (“Can you speak Chinese?”) หรือการขออนุญาตอย่างไม่เป็นทางการ ส่วน Could เป็นรูปสุภาพกว่า Can ใช้ถามขอความช่วยเหลือ และ Will ใช้ถามถึงความตั้งใจหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ

เพื่อนๆ จะทราบการสร้างรูปประโยค Yes–No Question กันไปแล้วนะคะ เห็นไหมว่าไม่ยากเลย! ขอแค่ระวังเรื่องการตอบรับให้สอดคล้องกับคำถาม แค่นี้ก็สามารถถาม–ตอบได้อย่างมั่นใจแล้วค่ะ

และถ้าหากว่าเพื่อนๆ คนไหนสนใจ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวแบบออนไลน์ กับครูต่างชาติ เพื่อพัฒนาทักษะทั้งการพูด ฟัง อ่าน เขียน และไวยากรณ์แบบครบถ้วน สามารถติดต่อเพื่อขอรับคำแนะนำการลงทะเบียนเรียน เรียนพิเศษภาษาอังกฤษ จากเราได้ตั้งแต่วันนี้เลยนะคะ