ทริคการฝึกภาษาอังกฤษจาก Netflix สำหรับมือใหม่
ในปัจจุบัน Netflix ไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มสำหรับความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยม ผู้เรียนสามารถเข้าถึงซีรีส์ ภาพยนตร์ และสารคดีจากหลากหลายประเทศ ทำให้ได้สัมผัสกับภาษาอังกฤษในสำเนียงที่แตกต่างกัน เช่น อเมริกัน อังกฤษ หรือออสเตรเลีย ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความหลากหลายทางภาษาและสามารถสื่อสารได้อย่างมั่นใจมากขึ้น มาดูเรื่องที่แอดมินจะแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังฝึกภาษาอังกฤษแต่ละระดับกันเลย
1.ระดับง่าย (เริ่มต้น) เน้นภาษาเรียบง่าย คำศัพท์พื้นฐาน บทสนทนาสั้น ๆ
- Matilda (มาทิลด้า) คำศัพท์ง่าย เหมาะสำหรับการฝึกฟังตั้งแต่แรก
- The Intern (คุณพ่อวัยเก๋า หัวใจยังแกร่ง) บทสนทนาในที่ทำงานและชีวิตประจำวัน
- Paddington (ถ้ามีใน Netflix พื้นที่ของคุณ) การ์ตูนอบอุ่น คำศัพท์ง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น
2.ระดับปานกลาง (เริ่มคุ้นภาษา) เริ่มมีศัพท์ใหม่ ๆ แต่ยังเข้าใจง่าย
- Emily in Paris บทสนทนาในชีวิตประจำวัน เรื่องงาน และความรัก
- The Social Dilemma (สารคดี) ฟังง่าย น้ำเสียงชัด ใช้ศัพท์ทันสมัย
- The Good Place คำศัพท์ไม่ซับซ้อนมาก เน้นบทสนทนาขำ ๆ
3.ระดับกลาง–สูง (ฝึกความเข้าใจบริบทและมุขภาษา) เหมาะสำหรับคนที่เริ่มฟังออกบ้างแล้ว อยากเพิ่มความเร็วและคำศัพท์
- Friends ซิทคอมคลาสสิก สนุก ได้ทั้งคำศัพท์และสำนวนใช้จริง
- Brooklyn Nine-Nine คอมเมดี้ในสถานีตำรวจ ฟังสำเนียงหลากหลาย
- To All the Boys I’ve Loved Before หนังวัยรุ่น คำศัพท์ชีวิตประจำวันง่าย ๆ แต่เร็วขึ้น
4.เคล็ดลับการดูให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- เปิด ซับไตเติลภาษาอังกฤษ ก่อน ถ้ายังงงเยอะอาจดูซับไทยก่อน แล้วหัดเปลี่ยนเป็นอังกฤษ
- หยุดชั่วครู่ ถ้ามีคำศัพท์หรือประโยคที่ไม่เข้าใจ แล้วจดไว้ หรือกด pause เพื่อฟังซ้ำ
- หัด shadowing — พูดตามบทพูดในหนัง/ซีรีส์ เพื่อฝึกออกเสียง
- เลือกตอนสั้น ๆ หรือฉากที่ชอบก่อน เพื่อจูงใจให้ดูบ่อยและไม่เบื่อ
Netflix เหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษคือการมี ซับไตเติล (subtitles) ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ผู้เรียนสามารถเลือกเปิด–ปิดได้ตามความต้องการ การดูพร้อมซับภาษาอังกฤษช่วยให้รู้จักคำศัพท์และการสะกดที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น หากดูซีรีส์แล้วได้ยินคำว่า “I’ll figure it out.” (ฉันจะหาทางแก้เอง) ผู้เรียนจะเข้าใจทั้งการออกเสียงและการใช้ประโยคในสถานการณ์จริง
นอกจากนี้ การดู Netflix ยังช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ สำนวน (idioms) และ คำพูดในชีวิตประจำวัน (daily expressions) ที่ไม่ค่อยมีในตำราเรียน เช่น “What’s the deal?” (มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?) หรือ “That’s not fair!” (ไม่ยุติธรรมเลย!) ประโยคเหล่านี้มักใช้กันจริงในชีวิตประจำวัน และผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันทีเมื่อต้องสนทนากับเจ้าของภาษา
สุดท้าย Netflix ยังช่วยสร้างแรงจูงใจให้การเรียนภาษาอังกฤษไม่น่าเบื่อ ผู้เรียนสามารถเลือกดูเรื่องที่ตนเองสนใจ เช่น หนังโรแมนติก แอคชัน หรือสารคดี และในระหว่างดู ก็ควรจดคำศัพท์ใหม่ ๆ ไว้ เช่น mystery (ปริศนา), relationship (ความสัมพันธ์), challenge (ความท้าทาย) วิธีนี้จะทำให้การเรียนรู้สนุก ได้ทั้งความบันเทิงและทักษะภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน