หลักการใช้ Linking Verb

Linking Verb คืออะไร? หลักการใช้และตัวอย่างเข้าใจ

ในภาษาอังกฤษ Linking Verb เป็นกริยาที่มีหน้าที่เชื่อมประธานกับคำอธิบาย (มักเป็นคุณศัพท์) เพื่อบอกสภาพหรือสถานะของประธาน ไม่ใช่กริยาที่แสดงการกระทำ บทความนี้จาก Engcouncil จะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการใช้ Linking Verb และสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องในประโยคจริง เหมาะสำหรับผู้ที่กำลัง เรียนแกรมม่าภาษาอังกฤษ เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น

ทำไมต้องรู้จักและใช้ Linking Verb ให้ถูกต้อง?

Linking Verb เป็นหนึ่งในหัวข้อแกรมม่าสำคัญที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรรู้ เพราะช่วยให้ประโยคฟังดูเป็นธรรมชาติและสื่อความหมายชัดเจน ผู้ที่กำลัง เรียนแกรมม่าภาษาอังกฤษ จะได้ฝึกการใช้ Linking Verb อย่างถูกต้อง ทำให้การพูดและการเขียนภาษาอังกฤษมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งในการเรียน การทำงาน และการสอบภาษาอังกฤษ

  • Linking แปลว่า เชื่อม
  • Verb แปลว่า กริยา

Linking verb ได้แก่

  1. be (is am are/ was were been) แปลว่า เป็น / คือ
  2. appear แปลว่า ดูเหมือน / ปรากฎ
  3. become แปลว่า เริ่ม / กลาย
  4. come แปลว่า เป็น, กลายเป็น / มา
  5. feel แปลว่า รู้สึก / คลำ
  6. get แปลว่า เริ่ม / ได้รับ
  7. go แปลว่า เกิด / ไป
  8. grow แปลว่า เริ่ม / โต, ปลูก
  9. look แปลว่า ดูเหมือน / มอง
  10. remain แปลว่า ยังคง / อยู่
  11. seem แปลว่า ดูเหมือน
  12. smell แปลว่า ส่งกลิ่น / ดม
  13. sound แปลว่า ดูเหมือน / ส่งเสียง
  14. stay แปลว่า ยังคง / พัก
  15. taste แปลว่า มีรส/ ชิม
  16. turn แปลว่า กลาย / หมุน

*** คำแปลตัวหน้า หมายถึง ถ้าทำหน้าที่เป็น Linking verb

*** คำแปลตัวหลัง หมายถึง ถ้าทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก หรือกริยาแท้

หลักการใช้ Linking Verb

หลักการใช้ Linking verb

Linking verb ก็คือ คำกริยาที่ทำหน้าที่เชื่อมประธานของประโยค กับ คำคุณศัพท์ เพื่อบ่งบอกสภาวะของประธานในประโยคนั้นๆ ซึ่งคำที่เรารู้จักกันดีก็คือ Verb to be

ตัวอย่างเช่น

  • She is happy. หล่อนมีความสุข
  • You are beautiful. เธอสวย

*** Linking Verb  ส่วนใหญ่ทำหน้าที่ได้ทั้ง กริยาแท้ และกริยาเชื่อม

มีอยู่สาม 3 คำ คือ be , become, seem ที่เป็นได้เฉพาะกริยาเชื่อม เพราะบอกได้แค่สภาวะ แต่ไม่สามารถบอกการกระทำได้

กริยาแท้จะแสดงการกระทำ ถ้าทำหน้าที่เป็นกริยาเชื่อมจะแสดงสภาวะ

ตัวอย่างคำกริยาที่เป็นได้ทั้งกริยาแท้ และกริยาเชื่อม เช่น

  • I come home every Sunday. ฉันมาบ้านทุกวันอาทิตย์ เป็นกริยาแท้ เพราะ come บอกการกระทำ
  • My dreams come true. ฝันของฉันกลายเป็นจริง เป็นกริยาเชื่อม เพราะ come บอกสภาวะ
  • I’m feeling my doll. ฉันกำลังจับตุ๊กตาของฉัน เป็นกริยาแท้ เพราะ feel บอกการกระทำ
  • I’m feeling cold. ฉันรู้สึกหนาว เป็นกริยาเชื่อม เพราะ feel บอกสภาวะ
  • They smell flowers. พวกเขาทั้งหลายดมดอกไม้ เป็นกริยาแท้ เพราะ smell บอกการกระทำ
  • The flowers smell good. ดอกไม้ส่งกลิ่นหอม เป็นกริยาเชื่อม เพราะ smell บอกสภาวะ

Linking Verb กับ Verb to be 

ความแตกต่างของ Linking verb กับ Verb to be

Linking verb = ชั่วคราว 

Verb to be = ถาวร

*** ถ้าเราใช้ Verb to be เมื่อไหร่ จะเป็นการบอกนิสัยถาวรของคนๆนั้น แต่ถ้าใช้ linking verb จะบอกว่าพฤติกรรมนั้นๆเกิดชั่วคราว

ตัวอย่างเช่น

  • She is happy. หล่อนมีความสุข นี่คือตัวตนของเธอ เธอมีความสุขตลอด
  • She looks happy today. หล่อนดูเหมือนจะมีความสุขวันนี้
  • He is lazy. เขาขี้เกียจ ไม่เคยทำอะไรเลย เป็นคนขี้เกียจ
  • He sounds lazy. เขาดูเหมือนจะขี้เกียจ ปกติขยันขันแข็ง แต่ทำไมตอนนี้เหมือนจะไม่ยากทำอะไร
  • She feels cold. หล่อนรู้สึกหนาว
  • She is cold. She never talks to anyone. หล่อนเย็นชา หล่อนไม่เคยพูดกับใครเลย

คำถาม-คำตอบที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ Linking verb

1. Linking verb ทุกตัวสามารถใช้แทน Verb to be ได้เลยใช่ไหม?

ไม่เสมอไป แม้ว่า Linking verb จะทำหน้าที่เชื่อมประธานกับคำคุณศัพท์คล้ายกับ Verb to be แต่การเลือกใช้ Linking verb ตัวอื่นแทน Verb to be จะให้ความหมายที่ละเอียดและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น ‘She looks happy.’ จะสื่อว่า “เธอดูมีความสุขในตอนนี้” ซึ่งต่างจาก ‘She is happy.’ ที่หมายถึง “เธอเป็นคนที่มีความสุขอยู่แล้ว”


2. จะรู้ได้อย่างไรว่าคำกริยาตัวไหนทำหน้าที่เป็น Linking verb หรือกริยาแท้?

วิธีสังเกตง่ายๆ คือให้ดูว่าคำกริยานั้นตามด้วย คำคุณศัพท์ (Adjective) ที่อธิบายสภาพของประธานหรือไม่ถ้าใช่ คำนั้นก็ทำหน้าที่เป็น Linking verb เช่น ‘The flowers smell good.’ (ดอกไม้ส่งกลิ่นหอม) โดย ‘smell’ เชื่อมประธาน (flowers) กับคำคุณศัพท์ (good) แต่ถ้าคำกริยานั้นแสดงการกระทำโดยตรง เช่น ‘They smell flowers.’ (พวกเขากำลังดมดอกไม้) คำนั้นก็จะเป็นกริยาแท้


3. “be, become, seem” มีความแตกต่างจาก Linking verb ตัวอื่นอย่างไร?

คำว่า ‘be’, ‘become’, และ ‘seem’ มีความแตกต่างจาก Linking verb ตัวอื่นตรงที่มันเป็นได้เพียง กริยาเชื่อม เท่านั้นไม่สามารถทำหน้าที่เป็นกริยาแท้เพื่อแสดงการกระทำได้เลย เช่น เราไม่สามารถพูดว่า ‘I seem home every day.’ ได้ เพราะ ‘seem’ ไม่ได้แสดงการกระทำเหมือนคำว่า ‘come’ หรือ ‘go’ 


4. การใช้ Linking verb กับ Verb to be มีความแตกต่างด้านความหมายอย่างไร?

ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของ สภาวะชั่วคราว vs สภาวะถาวร  การใช้ Verb to be เช่น ‘He is lazy.’ จะสื่อถึงนิสัยหรือตัวตนที่เป็นถาวรของเขา แต่การใช้ Linking verb เช่น ‘He sounds lazy.’ จะสื่อถึงสภาวะที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเท่านั้นว่า “เขาดูเหมือนจะขี้เกียจ” ซึ่งบ่งบอกว่าปกติเขาอาจจะเป็นคนขยัน


เพื่อนๆ คงเห็นแล้วว่าการใช้ Linking Verb ในภาษาอังกฤษนั้นสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ทั้งในภาษาพูดและภาษาเขียน หากฝึกใช้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้องตามบริบท และสำหรับใครที่อยากพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้มั่นใจยิ่งขึ้น แนะนำให้ลอง คอร์สเรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติแบบตัวต่อตัวออนไลน์ ที่สอนสด ปรับบทเรียนให้ตรงกับเป้าหมายของผู้เรียนโดยเฉพาะ สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการลงทะเบียนเรียนกับเราได้ตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ!