หลักการใช้ Must กับ Have to

วันนี้ สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ Engcouncil จะมานำเสนอหลักการใช้ Must กับ Have to ซึ่ง Must และ Have to มีความหมายว่า “ต้อง, จะต้อง”  ใช้เพื่อแสดงความจำเป็นในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเหมือนกัน มีวิธีการใช้เหมือนกันเล็กน้อย แต่โครงสร้างประโยคในการใช้ must กับ have to เหมือนกันคือ ต้องตามด้วย verb infinitive หรือ กริยารูปธรรมดา ไม่แปรรูป ไม่ผัน และไม่เติมคำต่อท้ายใดๆนั่นเอง

  • must + verb (infinitive)
  • have to + verb (infinitive)

ตัวอย่างเช่น

  • I must quit drinking. ฉันต้องเลิกดื่มแอลกอฮอล์
  • I have to quit drinking. ฉัน(จำเป็น)ต้องเลิกดื่มแอลกอฮอล์

สองประโยคนี้แปลว่า ต้องเลิกดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกัน แต่เราจะใช้ must ในกรณีที่เราคิดว่าสิ่งนั้นจำเป็นต้องทำ เป็นความเชื่อหรือเป็นความคิดของเราเองที่คิดว่ามันจำเป็นต้องทำ

แต่ have to นั้นใช้ในกรณีที่สถานการณ์เป็นตัวบังคับให้เราจำเป็นต้องทำ ซึ่งบางที่เราอาจจะไม่อยากทำ อาจจะเป็นกฎ หรือข้อบังคับให้ทำ

ตัวอย่างเช่น

  • You have to stop eating piquant food. คุณจำเป็นต้องเลิกกินอาหารรสจัด

(อาจจะเป็นคำสั่งหมอที่ให้เลิกกินอาหารรสจัด เพราะมีผลต่อกะพาะอาหารและลำไส้)

ถ้าหากใช้ must

  • You must stop eating piquant food. คุณต้องเลิกกินอาหารรสจัดได้แล้ว

(อาจจะเป็นความคิดของผู้พูดเองว่า อีกฝ่ายต้องเลิกกินอาหารรสจัดเพราะถ้ากินมากเกินไปจะทำให้เป็นโรคได้)

รูปของประโยคคำถาม

  • Must I buy now? ฉันต้องซื้อตอนนี้เลยมั้ย?
  • Do they have to go there? พวกเขาต้องไปที่นั่นมั้ย?

รูปของประโยคปฏิเสธ

  • must not หรือ mustn’t แปลว่า จะต้องไม่ (เป็นกฎหรือข้อบังคับที่ห้ามให้ปฏิบัติ)
  • don’t have to หรือ doesn’t have to แปลว่า ไม่จำเป็นต้อง (จะทำหรือไม่ทำก็ได้)

** รูปของประโยคคำถามและปฏิเสธของ have to ต้องใช้ verb to do เข้ามาช่วย จะไม่สามารถเติม not ข้างหลังไปเลยเหมือน must ไม่ได้

ตัวอย่างเช่น

  • You mustn’t smoke here. It’s not allowed. คุณไม่ได้รับอนุญาตให้สูบบุหรี่ตรงพื้นที่ตรงนี้
  • students mustn’t wear shoes in the building. นักเรียนจะต้องไม่ใส่รองเท้าในอาคารเรียน
  • We don’t have to wear uniform on Friday. พวกเราไม่จำเป็นต้องใส่ชุดเครื่องแบบในวันศุกร์
  • He doesn’t have to tell me where he goes. Someone has already told me.

เขาไม่จำเป็นต้องบอกฉันก็ได้ว่าเขาไปไหน มีคนบอกฉันแล้ว

** สรุปคือ must กับ have to ในรูปประโยคบอกเล่าและคำถาม จะมีความหมายใกล้เคียงกันหรือต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ในประโยคปฏิเสธจะมีความหมายที่ต่างกันอย่างชัดเจน

หลักการใช้ have to ในสไตล์คนอังกฤษ

คนอังกฤษมักจะใช้ “have got to” ซึ่งความหมายเดียวกันกับ “have to”

ตัวอย่างเช่น

  • I have got to take this book back to the library. ฉันจำเป็นต้องเอาหนังสือเล่มนี้ไปคืนห้องสมุด
  • We have got to finish now as somebody else needs this room. พวกเราจำเป็นต้องยุติการใช้ห้องนี้เพราคนอื่นต้องใช้ต่อ

** ในประโยคปฏิเสธ..เราจะใช้  don’t have to (หรือ have not got to–haven’t got to สไตล์อังกฤษ) แสดงถึง สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำ

  • You don’t have to come if you don’t want to. คุณไม่จำเป็นต้องมา ถ้าไม่อยากมา
  • I haven’t got to go to special classes. ฉันไม่จำเป็นต้องไปเรียนพิเศษ

เพื่อนๆจะเห็นแล้วว่าการใช้ must และ have to นั่นใช้ต่างกันอย่างไรในส่วนของความหมายของประโยคที่ผู้พูดต้องการจะสื่อกับผู้ฟัง และการใช้ในรูปแบบของประโยคบอกเล่า คำถาม และปฏิเสธ

ถ้าหากเพื่อนๆอยากจะใช้ 2 คำนี้ให้แม่น ลองหมั่นฝึกใช้จริง ๆ เพื่อจะใช้ได้อย่างคล่องแคล่วค่ะ และถ้าหากเพื่อนๆคนไหน สนใจคอร์สเรียนภาษาอังกฤษกับครูฟิลิปปินส์ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวและเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์สามารถติดต่อเพื่อขอรับคำแนะนำการลงทะเบียนเรียนจากเราได้แล้วตั้งแต่วันนี้