หลักการใช้กริยาช่วย

วันนี้สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ Engcouncil จะมานำเสนอบทความว่าด้วยเรื่องของหลักการใช้กริยาช่วย (Modal Verb) เราทราบกันอยู่แล้วว่า คำกริยาในภาษาอังกฤษมีทั้งกริยาหลัก (Main Verbs) กริยาช่วย (Auxiliary Verbs) เรื่องกริยาหลักไม่ค่อยซับซ้อน แต่เจ้ากริยาช่วยนี่สิ ที่แตกกิ่งออกมามี Modal Verbs ด้วยชวนให้สับสน คราวนี้เราจะมาตีแผ่เรื่อง Modal Verbs กันอย่างครบเครื่องทุกเรื่องที่ต้องรู้เลยค่ะ

Modal Verbs คืออะไร?

Modal Verbs คือ กริยาช่วย ที่มีความพิเศษตรงนี้มีความหมายในตัวมันเอง (ปกติกริยาช่วยมีหน้าที่ทำให้ประโยคสมบูรณ์แต่ไม่มีความหมาย)

Modal Verbs ที่ต้องรู้

  1. Can/Could = สามารถ
  2. Will/Would = จะ
  3. Shall/Should = ควรจะ
  4. May/Might = อาจจะ
  5. Must = ต้อง
  6. Ought to = ควรจะ

Modal Verbs ต่างจาก verb ปกติอย่างไร?

  1. Modal Verbs ไม่ต้องเติม s ไม่ว่าประธานจะเป็นตัวไหน

Ex 1. I will visit Japan next year.

Ex 2. She can speak Italian.

  1. สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือประโยคคำถามได้เลยโดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do, does

Ex 1. Students can’t enter this room.

Ex 2. Can you pass me the sugar?

  1. หลัง Modal Verbs ต้องตามด้วย infinitive verbs (verb รูปธรรมดาที่ไม่เติม -ing, -ed, to, s หรือ es)

Ex 1. I should arrive by lunch time.

Ex 2. You must study hard.

คราวนี้มาดูหลักการใช้ Modal Verbs แต่ละตัวกันเลย

Can/Could

รูปปฏิเสธของ Can คือ Can not (Can’t)

รูปปฏิเสธของ Could คือ Could not (Couldn’t)

– ใช้บอกความสามารถ โดย Can บอกความสามารถในปัจจุบัน Could บอกความสามารถในอดีต

Ex 1. He can fix computers. (เขาสามารถซ่อมคอมพิวเตอร์ได้)

Ex 2. When I was younger, I could run marathons without a problem. (ตอนฉันเด็ก ๆ ฉันสามารถวิ่งมาราธอนได้โดยไม่มีปัญหา)

– ใช้ถามเพื่อขออนุญาต, ให้การอนุญาตหรือไม่อนุญาต, ร้องขอบางสิ่งบางอย่าง, เสนอการช่วยเหลือ โดย Could มีความสุภาพมากกว่า Can

Ex 1. Can I use this restroom please? (ฉันสามารถใช้ห้องน้ำนี้ได้ไหม?)

Ex 2. Could you fill in these blanks please? (รบกวนช่วยกรอกข้อมูลตรงช่องว่างนี้ได้ไหมคะ?)

Ex 3. Can you help me please? (คุณสามารถช่วยฉันได้ไหม?)

Ex 4. Can I carry your bags for you? (ฉันช่วยถือกระเป๋าให้ไหม?)

Ex 5. You can’t smoke in this room. (คุณสูบบุหรี่ในห้องนี้ไม่ได้)

– ใช้บอกสิ่งที่เป็นไปได้หรือเกิดขึ้น โดย Could บอกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มีโครงสร้าง Could + have + past participle (V.3)

Ex 1. It can get very hot there at night. (ตอนกลางคืนมันจะร้อนมาก ๆ)

Ex 2.  I could have done it by myself. (ฉันสามารถทำมันได้ด้วยตัวฉันเอง)

Will/Would

รูปปฏิเสธของ Will คือ Will not (Won’t)

รูปปฏิเสธของ Would คือ Would not (Wouldn’t)

– Will ใช้บอกสิ่งที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต, บอกความตั้งใจ

Ex 1. I will visit Japan next year. (ฉันจะไปญี่ปุ่นปีหน้า)

Ex 2. We will give you this book. (พวกเราจะให้หนังสือเล่มนี้แก่คุณ)

– Would ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอดีต, ใช้ขอร้องอย่างสุภาพ, บอกความต้องการ และใช้ในประโยคเงื่อนไข

Ex 1. I knew that Nid would be successful. (ฉันรู้ว่านิดจะประสบความสำเร็จ)

Ex 2. Would you mind if I asked you to work today? (คุณรังเกียจไหมถ้าฉันจะถามคุณเรื่องงานวันนี้)

Ex 3. Would you like some milk? (คุณต้องการนมไหม?)

Ex 4. If she came, I would go. (ถ้าเธอมาฉันจะไป)

Shall/Should

รูปปฏิเสธของ Shall คือ Shall not (Shan’t)

รูปปฏิเสธของ Should คือ Should not (Shouldn’t)

– Shall ใช้ในการเสนอแนะ ชี้แนะ เสนอความช่วยเหลือ

Ex. Shall I carry your bags for you? (ฉันถือกระเป๋าให้คุณไหม?)

หมายเหตุ: ในปัจจุบันไม่ค่อยใช้ Shall กันแล้ว แต่บางครั้งอาจเจอได้ในการพูดอย่างเป็นทางการ และบางเอกสารทางกฎหมาย สำหรับภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันจะเจอ Shallมากที่สุดในประโยคคำถามยื่นข้อเสนอ หรือเสนอแนะ ชักชวน ว่า Shall I…? / Shall we…?

– Should แปลว่า ควรจะ… ใช้ในการแนะนำ

Ex 1. Should we take a taxi? (พวกเราควรจะขึ้นแท็กซี่นะ?)

Ex 2. I think you should stop smoking. (ฉันคิดว่าคุณควรเลิกสูบบุหรี่นะ)

May/Might

May และ Might แปลว่า อาจจะ สามารถใช้แทนกันได้ แต่ Might จะสื่อว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่า

รูปปฏิเสธของ May คือ May not

รูปปฏิเสธของ Might คือ Might not (Mightn’t)

– ใช้บอกความเป็นไปได้ หรือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น

Ex. She may be in danger. (เธออาจจะตกอยู่ในอันตราย)

– ใช้ในการให้อนุญาต, ขออนุญาต

Ex 1. May I borrow your phone? (ฉันขอยืมโทรศัพท์คุณได้ไหม?)

Ex 2. You may call me anytime. (คุณโทรหาฉันได้ทุกเวลานะ)

Must

– แปลว่า ต้อง ใช้พูดถึงสิ่งที่ต้องทำ สิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้

Ex 1. I must finish my work. (ฉันต้องทำงานให้เสร็จ)

Ex 2. Plants must have light and water to grow. (พืชต้องมีแสงและน้ำเพื่อการเจริญเติบโต)

Ex 3. The show must go on. (ชีวิตต้องดำเนินต่อไป)

– เมื่อเป็นรูปปฏิเสธ Must not (Mustn’t) จะหมายถึง ข้อห้าม, ไม่อนุญาตให้ทำ

Ex. You mustn’t drink that. (คุณห้ามดื่มสิ่งนั้นนะ)

Ought to

Ought to แปลว่า ควรจะ เป็นคำที่คนสมัยก่อนใช้กัน ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยใช้กันแล้ว จะใช้ Should มากกว่า

Ex. We ought to help the poor. = We should help the poor. (เราควรจะช่วยเหลือคนจน)

Ref.Plook Creator