การเรียนภาษาใหม่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่บางครั้งการออกเสียงอาจรู้สึกเหมือนเป็นอุปสรรคที่ท้าทายมาก เพราะภาษาไทยและภาษาอังกฤษนั้นมีการออกเสียงและการอ่านแต่ละคำนั้นจะมีความแตกต่างกัน แต่วันนี้เราจะบอกว่าไม่ต้องเครียดไปเพราะคุณไม่ได้รู้สึกว่ามันยากอยู่คนเดียวแน่นอน หลายๆ คนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษหลายคนประสบปัญหาเรื่องการออกเสียงภาษาอังกฤษ ข่าวดีก็คือ ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อยและวิธีการออกเสียงที่ถูกต้อง ใครๆ ก็สามารถเอาชนะความท้าทายเหล่านี้และพูดภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ วันนี้ Engcouncil มีทริคอะไรมาดูกันเลย!
เอาชนะความท้าทายในการออกเสียงภาษาอังกฤษ! เคล็ดลับและแบบฝึกหัดสำหรับคนฝึกพูด
ทริคที่ 1: ออกเสียงพยัญชนะโดยใช้หลัก phonetics
การใช้ phonetics เป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสมสำหรับการฝึกพูดภาษาอังกฤษที่ดีตามหลักลัทศาสตร์ ซึ่งอิงมาจากกระบวนการออกเสียงของคนเรา ซึ่งสามารถดูได้ตามอินเทอร์เน็ตหรือหนังสือทั่วไป เช่น
/p/ อ่านว่า [เพอะ] เทียบเสียงภาษาไทยจะคล้ายเสียง ‘พ’
/b/ อ่านว่า [เบอะ] เทียบเสียงภาษาไทยจะคล้ายเสียง ‘บ’
/t/ อ่านว่า [เทอะ] เทียบเสียงภาษาไทยจะคล้ายเสียง ‘ท’
โดยที่คำเหล่านี้ก็จะมีทั้งแบบเสียงก้อง (Voiced sound) ที่ใช้ริมฝึปากและลำคอออกเสียง และเสียงไม่ก้อง (Voiceless sound) เป็นเสียงที่ออกจากลมในปอด ใช้เสียงน้อย
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการออกเสียงต่างๆ เช่น
การออกเสียง -ed: ซึ่งจะเป็นคำที่ออกเสียงและไม่ออกเสียงขึ้นอยู่กับว่าคำไหนเป็นคำไหน
- เสียง T: เมื่อ -ed อยู่หลังพยัญชนะเสียงไม่ก้อง เช่น /p/, /t/, /k/ เสียง -ed จะไม่ออกเสียง แต่ใช้เสียง T แทน เช่น Liked, Thanked, Stopped
- เสียง D: เมื่อ -ed อยู่หลังพยัญชนะเสียงก้อง เช่น /b/, /d/, /g/ เสียง -ed จะไม่ออกเสียง แต่ใช้เสียง D แทน เช่น Lived, Fined
- เสียง ID: เมื่อ -ed อยู่หลังตัว T เสียง -ed จะไม่ออกเสียง แต่ใช้เสียง ID แทน เช่น Decided, Headed
การออกเสียง -s, -es: เป็นการออกเสียงโดยใช้เทคนิค 3 ลักษณะ นั่นคือ
- เสียง s = เสียงไม่ก้อง (Voiceless Sound) เช่น talks, walks, sits
- ออกเสียง s ด้วยเสียงก้อง (Voiced Sound) = kisses, freezes
ทริคที่ 2: เรียนรู้วิธีการลงน้ำหนักเสียงหนัก-เบา stressed and unstressed
การฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษต้องรู้จักการเน้นเสียงการใช้ word stress และ intonation เป็นการเรียนรู้ใช้เสียงหนักและเบาตามแต่พยางค์ โดยคำคุณศัพท์ส่วนใหญ่จะเน้นหนักที่พยางค์แรก เช่น Kitten และคำ 2 พยางค์จะเน้นที่พยางค์สุดท้าย เช่น enjoy หรือคำที่ลงท้ายด้วย -sion, -tion, -ic ที่มักหนักที่พยางค์ก่อนสุดท้าย เช่น romantic
สำหรับการใช้น้ำเสียง (Intonation) นี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสาร ช่วยให้เข้าใจอารมณ์และความรู้สึก มี 2 รูปแบบหลัก อันได้แก่
- ลงเสียงต่ำ: เสียงจะต่ำลงตามรูปประโยค ใช้กับประโยคทั่วไป คำถาม WH Questions และประโยคคำสั่ง เช่น How are you? Stop that!
- ขึ้นเสียงสูง: เสียงจะสูงขึ้นตามรูปประโยค ใช้กับประโยคคำถาม และประโยคที่ต้องการคำตอบ เช่น Are you serious?
แบบฝึกหัดที่จะช่วยคุณพัฒนาการออกเสียง
- การใช้เงาเสียง (Shadowing): หาบันทึกเสียงของเจ้าของภาษาที่อ่านข้อความง่ายๆ ฟังอย่างตั้งใจและพูดตามสิ่งที่คุณได้ยินอย่างแม่นยำ เลียนแบบการออกเสียง จังหวะ และน้ำเสียงวิธีนี้ช่วยฝึกหูและปากของคุณให้พูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
- คู่เสียงน้อย (Minimal pairs): คำเหล่านี้เป็นคำที่ต่างกันเพียงเสียงเดียว เช่น “ship” และ “sheep” ฝึกออกเสียงคำคู่เหล่านี้อย่างช้าๆ โดยเน้นที่ความแตกต่างของเสียงสระ วิธีนี้ช่วยให้คุณแยกแยะความแตกต่างระหว่างเสียงที่คล้ายคลึงกัน
- บททดสอบลิ้น (Tongue twisters): วลีสนุกๆ เหล่านี้อาจจะพูดได้ยากอย่างรวดเร็ว แต่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกเสียงที่ซับซ้อนและปรับปรุงการออกเสียงของคุณ ลองบททดสอบลิ้น เช่น “She sells seashells by the seashore” หรือ “Peter Piper picked a peck of pickled peppers”
- บันทึกเสียงตัวเอง: พูดใส่เครื่องบันทึกเสียงและฟังการออกเสียงของคุณ ย้อนกลับไปฟัง วิธีนี้ช่วยให้คุณระบุจุดที่คุณต้องการปรับปรุงและติดตามความก้าวหน้าของคุณตลอดเวลา
- หาคู่ฝึกภาษา: การสนทนากับเจ้าของภาษาเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนการพูดภาษาอังกฤษของคุณและรับคำติชมเกี่ยวกับการออกเสียงของคุณ ค้นหาแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนภาษาออนไลน์หรือเข้าร่วมกลุ่มสนทนาในท้องถิ่น
Engcouncil ให้ความสำคัญกับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทักษะทางภาษานั้นดีขึ้น ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษของเรานั้นมีความทั่วถึงและครอบคลุมการเรียนทุกรูปแบบที่คุณต้องการ ไม่ใช่เพียงแต่การฝึกพูด ฝึกออกเสียง แต่ยังรวมไปถึงการใช้คำศัพท์ การใช้ภาษาในการแต่งประโยค และอื่นๆ อีกมากมาย รู้แบบนี้แล้วมาเรียนรู้ที่จะเป็นคนเก่งภาษาง่ายๆ กับ Engcouncil กันเถอะ!