คำกริยา (verb)
คำกริยา คือ คำที่แสดงอาการ การกระทำ หรือบอกสภาพของประธานของประโยค คำกริยาเป็นส่วนสำคัญของประโยค หากขาดคำกริยาไป คำ หรือกลุ่มคำนั้นจะไม่ถือเป็นประโยค
1. ประเภทของคำกริยา คำกริยาอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ main verb, auxiliary or helping verb (auxiliaries) และ modal verb (modals)
1.1) Main Verb คือ กริยาแท้ หรือกริยาหลักของประโยคซึ่งแบ่งออกเป็น
Transitive Verb คือ กริยาที่ต้องการกรรม เช่น eat, send, make
We eat fruit before a meal.
Jane sent her parents a postcard.
He made a reservation at the hotel in Rome.
Intransitive Verb คือ กริยาที่ไม่ต้องการกรรม แต่อาจมีส่วนขยายหรือไม่ก็ได้ เช่น
fly, walk, swim
Many birds fly south for the winter.
Those children walk to school every day.
Alan always swims with his sons.
Linking Verb คือ คำกริยาที่เชื่อมประธานกับส่วนเสริมประธานซึ่งอาจเป็นคำนาม หรือ
คำคุณศัพท์ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ว่าเป็นสิ่งเดียวกัน หรือเป็นการขยายความบอกลักษณะ
ได้แก่ BE(am, is, are, was, were, being, been), appear, become, grow, prove,
remain, seem, turn และคำกริยาที่บ่งบอกประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ look, sound,
smell, taste, feel
Pai, a popular tourist attraction,is their new home.
All passengers remain calm.
They felt happy when their daughter got her Master’s degree.
อย่างไรก็ตาม กริยาบางตัวอาจไม่ได้เป็นกริยาเชื่อมเท่านั้น แต่ใช้ในความหมายอื่นได้ด้วย
เช่น
He looked serious. (linking verb)
He looked at the report. (intransitive verb)
1.2) Auxiliary or Helping Verb (Auxiliaries) คือกริยาช่วยที่ใช้ประกอบคำกริยาแท้ หรือ
กริยาหลัก ได้แก่ BE, DO และ HAVE ในรูปต่าง ๆ
คำกริยาเหล่านี้อาจเป็นได้ทั้งกริยาแท้ และกริยาช่วย
Sam is in the park. (main)
Sam is jogging in the park. (auxiliary)
1.3) Modal Verb (Modals) คือ กริยาช่วยประเภทหนึ่งที่ทำให้กริยาแท้มีความหมายแตกต่างกันไป
ได้แก่ can, could, shall, should, will, would, may, might, must, ought to, need และ dare คำกริยาประเภทนี้จะใช้นำหน้าคำกริยาแท้ซึ่งอยู่ในรูป V base form
They will buy a piece of land in Nan.
Yada can speak many languages.
อย่างไรก็ตาม ตำราไวยากรณ์บางเล่มจัดให้ modal verb อยู่ในกลุ่มของกริยาช่วย
ประเภทหนึ่งเรียกว่า modal auxiliary verb โดยไม่แยกเป็นประเภทต่างหาก
2.ตำแหน่งของคำกริยา โดยทั่วไปคำกริยาจะตามหลังประธานของประโยค หากมีกริยาช่วย
กริยาแท้จะอยู่ตามหลังกริยาช่วย ยกเว้นในประโยคคำถามที่กริยาช่วยจะอยู่ในตำแหน่งหน้าประธาน
(ศึกษารายละเอียดเรื่องประเภทของประโยคได้ในโมดูลที่ 7)
Mr. Smith works at STOU.
You should fasten your seat belt while driving.
Do they play football at school?
3.รูปของคำกริยา คำกริยาจะมีรูป 5 รูปดังนี้
รูป
|
สัญลักษณ์ |
ตัวอย่าง |
1. รูปที่ยังไม่ได้ผัน (base form) | V base form | listen, begin, hit |
2. รูปที่ลงท้ายด้วย -s (-s form) | V1 | listens, begins, hits |
3. รูปอดีต (past form) | V2 | listened, began, hit |
4. รูป present participle | V ing | listening, beginning, hitting |
5. รูป past participle | V3 | listened, begun, hit |
จากตัวอย่างข้างต้น คำกริยา listen จะเติม -ed เมื่ออยู่ในรูป past และ past participle จึงอยู่ในกลุ่ม regular verbs ส่วนคำกริยา begin และ hit จะผันคำแตกต่างกัน กล่าวคือ begin เปลี่ยนรูป past และ past participle ในขณะที่ hit จะไม่มีการเปลี่ยนรูป คำกริยาทั้งสองนี้จึงจัดเป็น irregular verbs หากไม่แน่ใจว่าคำกริยาที่จะต้องผันเป็น regular หรือ irregular verbs เราควรตรวจสอบจากพจนานุกรมเสียก่อน และพยายามจดจำไว้ใช้ต่อไป หากท่านใดสนใจเรียนหลัก grammar กับครูชาวต่างชาติ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
Ref.School of Liberal Arts. Sukhothai Thammathirat Open University.